ซามูเอล เอโต้ อดีตกัปตันทีมชาติแคเมอรูน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน เขามีชื่อเต็มว่า ซามุแอล เอโต้ ฟิส เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1981 ในเมืองนูดา ประเทศแคเมอรูน เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ร่ำรวย โดยมีพ่อและแม่ของเขาเป็นนักบัญชีที่พอจะหาเลี้ยงชีพให้พอมีพอกินไปได้ในแต่ละวัน แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถมอบให้ เอโต้ ได้คือการเล่นฟุตบอล โดยในทุกๆ วัน เอโต้ จะพาลูกฟุตบอลไปเล่นกับเพื่อนๆ อยู่บนท้องถนน เขาเป็นเด็กที่มีความสามารถทางด้านกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก
โดยในวัยเด็ก เขาตกลงเซ็นสัญญากับสโมสรในบ้านเกิดของเขา ด้วยการแลกกับค่าแรงเพียงน้อยนิดเพื่อใช้ในการประทังชีวิตในแต่ละวัน เอโต้ เริ่มเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอย่างจริงจังโดยการเข้าร่วมในทีมเยาวชนของกาจีสปอตส์อคาเดมี ในปี 1992 ในตอนที่เขามีอายุ 11 ขวบ แต่เขาก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับความสนใจจาก เรอัล มาดริด
ในปี 1997 เอโต้ ในวัย 16 ปี ย้ายไปร่วมทีมกับเรอัล มาดริด ในช่วงแรกเขาถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง แต่จากการที่เขาเข้ามาร่วมทีมในช่วงที่ เรอัล มาดริด กำลังทำทีมพร้อมกับทำธุรกิจ ทำให้เขาไม่ได้รับความสนใจจากต้นสังกัดมากนัก รวมถึงการถูกมองข้ามจากเพื่อนร่วมทีมด้วยกัน ทำให้ในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัวให้ไปร่วมทีมกับเลกาเนส ด้วยสัญญายืมตัว ในปี 1997 และในปี 1999 เขาก็ถูกปล่อยตัวไปเล่นให้กับอัสปัญญ็อล ในปี 2000 เอโต้ ก็ถูกปล่อยตัวด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้งโดยไปเล่นให้กับมายอร์กา และที่มายอร์กา เขาก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถทำประตูได้อย่างมากมาย และขึ้นมาเป็นนักเตะในตำแหน่งกองหน้าในระดับต้นๆ ของลาลีกาในตอนนั้น และในที่สุด สโมสรมายอร์กา ก็ตัดสินใจ ซื้อขาดเขาเข้ามาร่วมทีมในปี 2000 และในเกมที่เป็นที่จดจำคือ ในเกมที่ มายอร์กา ต้องพบกับเรอัล มาดริด เอโต้ ก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำแฮตทริก ช่วยให้มายอร์กาชนะได้ด้วยสกอร์ 5-1
และจากการทำผลงานอันโดดเด่นของเขาทำให้ เขาได้รับความสนใจจากทีมฟุตบอลชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะ บาร์เซโลนา ที่สนใจในตัวของเขาเป็นอย่างมาก
ในปี 2004 เอโต้ในวัย 23 ปี ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมกับบาร์เซโลนา และการย้ายทีมของเขาในครั้งนี้ก็เป็นการแจ้งเกิดให้กับเขาอย่างเต็มตัว เขากลายเป็นคู่หูกับ โรนัลดินโญ่ ที่คอยช่วยกันถล่มประตูได้อย่างมากมาย และมีส่วนสำคัญที่พาบาร์เซโลนา ขึ้นมาเป็นทีมฟุตบอลชั้นนำในยุโรปได้อย่างเต็มตัว
ในฤดูกาล 2004-2005 เอโต้ ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา สเปนได้สำเร็จ หลังจากที่ไม่สามารถทำได้มานานถึง 5 ปี
ฤดูกาล 2005-2006 เขาก็ยังคงสร้างผลงานให้กับบาร์เซโลนา ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา ได้อีกหนึ่งสมัย รวมถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ อีกด้วย นอกจากนี้เขายังสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีดมาครองได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของโลก และมีผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังถูกแฟนบอลฝั่งตรงข้ามเหยียดสีผิวอยู่เสมอ แต่เขาก็จะทำการตอบโต้ด้วยการยิงประตูให้ได้ แล้วจะวิ่งไปเยาะเย้ยต่อหน้าแฟนบอลเหล่านั้น
แต่หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นของเอโต้ ก็ตกลง เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่มารบกวน และยังรวมถึงข่าวที่ออกมาว่าเขาเริ่มมีปัญหากับ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ผู้จัดการทีมของบาร์เซโลนา ในตอนนั้น
ในฤดูกาลต่อมาในฤดูกาล 2008-2009 ในยุคของเปป กวาร์ดิโอลา เขาก็ยังไม่ได้รับการใส่ใจจากผู้จัดการทีมคนใหม่ เนื่องจากในเวลานั้น เปป มองว่า เอโต้ คือตัวปัญหาของทีมและมีข่าวออกมาว่าจะปล่อยตัวเอโต้ออกไป แต่ เอโต้ ก็แสดงความต้องการที่จะอยู่พิสูจน์ตัวเองว่าเขาเหมาะสมที่จะอยู่ต่อในบาร์เซโลนา และเขาก็สามารถพาทีมบาร์เซโลนา คว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ และเขาก็กลายเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลนั้น และในฤดูกาลนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้
ในฤดูกาล 2009-2010 เอโต้ ได้ย้ายมาร่วมทีมกับอินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ และเขาก็กลายมาเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนั้นมาได้สำเร็จ และในฤดูกาลนั้นเขายังสามารถพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ได้อีกด้วย เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ 2 ปีติดต่อกันในการเล่นให้กับ 2 สโมสร เขาเล่นให้กับอินเตอร์ มิลานอยู่จนในปี 2011 มีสถิติในการลงสนามไปทั้งหมด 67 นัด ทำไป 33 ประตู
และช่วงเวลาในการค้าแข้งของเขาหลังจากนั้นเขาย้ายไปร่วมทีมต่างๆ อีกมากมาย และสโมสรสุดท้ายในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาคือ สโมสรกาตาร์ เอสซี ทีมในเมืองหลวงกรุงโดฮา ของประเทศกาตาร์ เอโต้ ประกาศแขวนสตั๊ดไปด้วยวัย 38 ปี โดยตลอดการค้าแข้งของเขา เอโต้ เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลต่างๆมากถึง 13 ทีมด้วยกัน
ผลงานในทีมชาติ เขาเริ่มเล่นให้กับทีมชาติแคเมอรูน ในปี 1997 และเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติแคเมอรูนมาโดยตลอด และเขาก็ประสบความสำเร็จมากมายกับทีมชาติ เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในการลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 1998และพาทีมคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2000 มาครองได้สำเร็จ และสามารถคว้าแชมป์แอฟริกัน เนชั่น คัพ 2000 และเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติด้วยสถิติ 56 ประตู
นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน 2021 เขาตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน และในเดือนธันวาคม 2021 เอโต้ กลายเป็นผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ทำให้เขาได้รับตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน และดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี จนถึงไป2025